แหล่งโบราณคดีบ้านเชียง
เป็นแหล่งโบราณคดีสำคัญแห่งหนึ่ง
อยู่ที่อำเภอหนองหาน จังหวัดอุดรธานี
ที่ทำให้รับรู้ถึงการดำรงชีวิตในสมัยก่อนประวัติศาสตร์
ย้อนหลังไปกว่า 5,000 ปี
ร่องรอยของมนุษย์ในประเทศไทยสมัยดังกล่าว
แสดงให้เห็นถึงวัฒนธรรมที่มีพัฒนาการแล้วในหลายๆด้าน โดยเฉพาะด้านความรู้ความสามารถหรือภูมิปัญญา
อันเป็นเครื่องมือสำหรับช่วยให้ผู้คนเหล่านั้น
สามารถดำรงชีวิตและสร้างสังคม-วัฒนธรรมของมนุษย์
ได้สืบเนื่องต่อกันมาเป็นระยะเวลายาวนาน
วัฒนธรรมบ้านเชียงได้ครอบคลุมถึงแหล่งโบราณคดี
ในภาคตะวันออกเฉียงเหนืออีกกว่าร้อยแห่ง
ซึ่งเป็นบริเวณพื้นที่ที่มีมนุษย์อยู่อาศัยหนาแน่น
มาตั้งแต่หลายพันปีแล้ว
ด้วยเหตุนี้เอง
องค์การยูเนสโกของสหประชาชาติ
จึงได้ยอมรับขึ้นบัญชีแหล่งวัฒนธรรมบ้านเชียง
ไว้เป็นแห่งหนึ่งในบรรดามรดกโลก
เครื่องมือและอุปกรณ์ยุคโบราณ
ศิลปะเครื่องปั้นดินเผา
- ภาชนะดินเผาสมัยต้น อายุ 5,600-3,000 ปี มีลายเชือกทาบ ซึ่งคาดกันว่าเป็นปอกัญชา ทั้งยังมีลายขูดขีด และมีการเขียนสีบ่า โดยพบวางคู่กับโครงกระดูก บางใบใช้บรรจุศพเด็กด้วย
- ภาชนะดินเผาสมัยกลาง อายุ 3,000 ปี-2,300 ปี สมัยนี้เป็นสมัยที่เริ่มมีการขีดทาสีแดงแล้ว
- ภาชนะดินเผาสมัยปลาย อายุ 2,300 ปี-1,800 ปี เป็นยุคที่มีลวดลายที่สวยงามที่สุด ลวดลายพิสดาร สะท้อนให้เห็นถึงสภาพสังคมที่สงบสุข ก่อนที่จะกลายมาเป็นการเคลือบน้ำโคลนสีแดงขัดมัน
สำริด
ชาวบ้านเชียงโบราณนิยมทำเครื่องมือเครื่องใช้ และเครื่องประดับจากสำริดในระยะแรก ก่อนที่จะรู้จักใช้เหล็ก ชาวโพลีนีเซียมีหลักฐานว่านิยมใช้สำริดเช่นกัน ใช้ทำเป็นกลองมโหระทึกมรดกโลก
แหล่งโบราณคดีบ้านเชียงได้จดทะเบียนเป็นมรดกโลกเมื่อปี พ.ศ. 2535 ในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญครั้งที่ 16 ที่เมืองแซนตาเฟ ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยผ่านข้อกำหนดและหลักเกณฑ์ในการพิจารณาให้เป็นแหล่งมรดกโลก ดังนี้- (iii) - เป็นสิ่งที่ยืนยันถึงหลักฐานของวัฒนธรรมหรืออารยธรรมที่ปรากฏให้เห็นอยู่ในปัจจุบันหรือว่าที่สาบสูญไปแล้ว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น