พระธาตุนางเพ็ญ
ตามตำนาน ประมาณ ปี 1600 - 1700 กล่าวว่า
ที่ตั้งของอำเภอเพ็ญในปัจจุบันนั้น แต่เดิมมีลำน้ำสายเล็ก แต่มีความอุดมสมบูรณ์มีน้ำใสสะอาดตาไหลลงสู่ลำน้ำสวย เป็นพื้นที่ราบอุดมสมบูรณ์ด้วยป่าไม้นานาชนิด
และ ในช่วงระยะนั้นชาวข่าและขอมมีอำนาจเที่ยวไล่กวดต้อนหัวเมืองเล็กใหญ่เพื่อเป็นเมืองขึ้นของตน และ เมืองอุบลราชธานีก็เป็นเมืองหนึ่งที่ถูกอิทธิพลของข่า, ขอม แผ่เข้ามา
พระยาศรีสุทโธกับพระนางจันทราพร้อมด้วย ข้าราชบริพาร จึงได้ชักชวนราษฎรอพยพและเดินทางมาสมทบกับขุนวรบุตร ซึ่งอพยพจากเมืองหนองหาน ขุนราชปากดี ซึ่งอพยพมาจากเมืองหนองคาย และพระยาคำสิงห์ ซึ่งอพยพมาจากเมืองสกลนคร เมื่อรวมกำลังกันได้แล้วจึงได้ ตั้งเมืองกันขึ้นในบริเวณลำน้ำสายดังกล่าว และได้สถาปนาพระยา ศรีสุทโธ เป็นเจ้าเมือง
พระยาศรีสุทโธและ พระนางจันทรามีพระราชธิดาพระองค์หนึ่ง ทรงสิริโฉมงดงามยิ่งนัก ประกอบกับเกิดในวันเดือนเพ็ง (เพ็ญ = พระจันทร์ เต็มดวง)จึงได้ตั้งชื่อให้ว่า "นางเพ็ง" (สำเนียงพื้นเมืองถ้าเป็นสำเนียงภาคกลาง คือ เพ็ญ)
เมื่อเจริญวัยเข้าสู่วัยสาว กิติศัพท์ความงามของพระนางเพ็งได้เล่าลือไปในหัวเมืองต่าง ๆ เช่น เมืองบาง (หมู่บ้านหนึ่งของตำบลวัดธาตุ อำเภอเมือง หนองคาย) เมืองหนองบัวลำภู เมืองหนองหาน และเจ้าเมืองทั้งสามใฝ่ฝันที่จะสู่ขอพระนางเพ็งไปเป็นภรรยา
และต่างฝ่ายต่างก็ส่งฑูตมาสู่ขอพระนางเพ็งต่อพระยาศรีสุทโธ จึงสร้างความลำบากใจให้แก่พระยาศรีสุทโธเป็นอย่างยิ่ง ในที่สุดเจ้าเมืองทั้งสามจึงได้ยกทัพมาเพื่อแย่งชิงพระนางเพ็ง สงครามชิงนางจึงเกิดขึ้น
พระยาศรีสุทโธและพระนางจันทรา เมื่อทราบข่าวนี้ก็เกิดวิตกกังวลเป็นอย่างยิ่ง เพราะจะทำให้ข้าราชบริพารทั้งหลายจะต้องมาตายเพราะพระนางเพ็ง พระยาศรีสุทโธและพระนางเพ็ง จึงได้หาทางแก้ไข โดยขอประวิงเวลาในการตัดสินใจต่อเจ้าเมืองต่าง ๆ มีกำหนด 3 เดือน
เมื่อครบกำหนดแล้วพระนางจะให้คำตอบ ในระหว่างที่ขอประวิงเวลาอยู่นั้น พระนางเพ็งคิดว่าหากตกลงแต่งงานกับคนใด คนหนึ่งแล้วฝ่ายที่ไม่ได้ตัวนางก็จะต้องเสียใจ และอาจตัดสินใจแก้ปัญหาโดยการใช้กำลังรบพุ่งเพื่อชิงตัวนางก็เป็นไปได้
ถ้าหากไม่มีนางเสียแล้วปัญหาต่าง ๆ ก็จะคลี่คลายไปในทางที่ดี นางจึงได้ขอร้องให้พระบิดาและพระมารดา หาช่างมาก่อสร้างเจดีย์ขึ้น ข้างในเจดีย์ทำเป็นโพรง แล้วนางแจ้งความประสงค์ให้แก่บิดามารดาตลอดจนญาติพี่น้อง ทั้งหลายทราบ พร้อมทั้งกราบลาเป็นครั้งสุดท้าย โดยแจ้งให้ทราบว่าการที่นางเสียสละครั้งนี้ก็เพื่อเห็นแก่ข้าราชบริพาร ที่จะมาล้มตายเพราะนาง
พระยาศรีสุทโธ พระนางจันทรา และญาติของพระนางเพ็งได้ห้ามปรามแต่ก็ไม่อาจทัดทาน ความตั้งใจของพระนางเพ็งไว้ได้ ครั้งแล้วพระนางเพ็ง จึงได้แต่งตัวนุ่งขาวห่มขาว พนมมือถือดอกไม้ธูปเทียน เข้าไปบำเพ็ญภาวนาในเจดีย์แล้วให้ช่างโบกปูนเจดีย์ดังกล่าวให้มั่นคง ซึ่งต่อมานางได้เสียชีวิตในเจดีย์นั้น
เมื่อครบกำหนด 3 เดือน เจ้าเมืองต่าง ๆ ก็กลับมาสู่ขอ ครั้งมาถึงจึงได้ทราบว่าพระนางเพ็ง ได้สิ้นชีวิตแล้ว ต่างก็พากัน เศร้าโศกเสียใจและยกทัพกลับเมืองของตน เพื่อเป็นอนุสรณ์แด่พระนางเพ็งที่เสียสละชีวิตของตนเพียงผู้เดียว เพื่อไม่ให้เกิดศึกชิงนาง ซึ่งจะทำให้ข้าราชบริพารล้มตาย ชาวเมืองจึงได้ตั้งชื่อเมืองแห่งนี้ว่า เมืองเพ็ง หรือ เมืองเพ็ญ ตราบเท่าทุกวันนี้
ผมอยากทราบชื่อผู้เขียนครับ....อ้างอิงมาจากแหล่งใด....มีหลักฐานหรือไม่..นอกจากพระธาตุแล้ว มีผู้เขียนเป็นตำนานมาจริงๆๆหรือไม่
ตอบลบ